post-image

วิธีแบบนี้ ขับรถประหยัดน้ำมัน ได้กี่เปอร์เซ็นต์?



สตาร์ทเครื่องยนต์
การสตาร์ทเครื่องรถยนต์นั้น ไม่จำเป็นต้องรออุ่นเครื่องนานเกินไปเพราะจะเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ เพียงแค่วอร์มเครื่องซักครึ่งนาทีก็สามารถขับออกไปได้แล้ว ซึ่งการใช้เวลาสตาร์ทเครื่องไม่นาน ก็ช่วยระหยัดน้ำมันไปได้ถึง 1-2%



การออกตัวรถ
การออกตัวรถก็มีส่วน หลายคนออกรถทีเร่งปรู๊ดปร๊าด มันก็ต้องใช้น้ำมันมากกว่าอยู่แล้ว ทางที่ดีเวลาออกรถก็ค่อยๆ ออกตัวไปโดยค่อยๆ เหยียบคันเร่งเบาๆ เพื่อให้รอบเครื่องค่อยขึ้นไปตามสเต็ป เกียร์จะขยับไปตามลำดับจึงไม่ใช้กำลังเครื่องมาก ซึ่งช่วยให้ประหยัดไปได้ประมาณ 2-5%



จอดรถติดสัญญาณไฟ
เมื่อเห็นไฟแดงอยู่ไกลๆ ก็ต้องชะลอคันเร่งและค่อยๆปล่อยไหลให้กะระยะไปจอดพอดี ซึ่งรถจะเคลื่อนที่ด้วยแรงเฉี่อยที่เหลือ จะช่วยตัดการจ่ายน้ำมันออกไปได้ส่วนหนึ่ง แต่ต้องระวังอย่าช้าจนเกินไปจนเกะกะขวางทางคนอื่น และอาจทำให้คันข้างหลังเบรกไม่ทัน ซึ่งการปล่อยไหลก่อนจอดติดไฟแดงจะช่วยประหยัดน้ำมันได้ประมาณ 3-7%



ขับรถขึ้นเนิน
การขับรถขึ้นเนินนั้นแน่นอนว่าตอนขึ้นเนินจะต้องมีการเร่งเครื่องเพื่อไต่ขึ้นไป แต่จะขับขึ้นเนินอย่างไรให้ประหยัดน้ำมัน โดยเพิ่มความเร็วขึ้นอีกซักเล็กน้อยในขณะที่วิ่งขึ้นเนิน แล้วเมื่อใกล้ถึงปลายเนินก็ปล่อยคันเร่งให้รถไหลด้วยแรงเฉี่อย แต่เท้าต้องพร้อมเบรกตลอดเวลาเพื่อความปลอดภัย เมื่อถึงทางราบก็เร่งความเร็วให้กลับมาปกติ ซึ่งก็สามารถช่วยประหยัดประมาณ 2-4%



ถนนที่มีลูกระนาด
ขับรถไปตามหมู่บ้าน หรอถนนเส้นเล็กๆ ส่วนใหญ่จะมีลูกระนาด ซึ่งการขับรถบนถนนที่มีลูกระนาดนั้น ต้องกะระยะปล่อยคันเร่งก่อนถึงลูกระนาด เพื่อเป็นการชะลอรถ และให้สามารถข้ามผ่านไปได้อย่างนิ่มนวล โดยประหยัดน้ำมันได้ประมาณ 1-2%



การเลี้ยวรถจนสุด
เมื่อจำเป็นต้องเลี้ยวรถในเส้นทางที่ต้องหักพวงมาลัยจนสุด ให้ค่อยๆ ออกตัวช้าๆ จนสามารถคืนพวงมาลัยได้เล็กน้อยแล้วค่อยเร่งความเร็วขึ้น เพราะเมื่อหักพวงมาลัยสุด เพลา หรือมุมของล้อหน้าซ้าย-ขวาจะขืนอยู่นิดๆ เป็นปกติของมุมในการเลี้ยวรถ จังหวะนั้นเองเครื่องยนต์ต้องใช้กำลังสู้กับแรงฝืดนั้นพอสมควร ดังนั้นรอให้คืนพวงมาลัยออกเล็กน้อยแล้วค่อยเพิ่มความเร็ว วิธีการนี้ช่วยประหยัดได้ประมาณ 1-2%



ขับรถบนถนนโล่งๆ
การขับบนถนนโล่งๆ หากมีผู้ร่วมทางก็ต้องรักษาระดับความเร็วให้ใกล้เคียงกับรถที่อยู่เลนเดียวกัน ไม่ขับช้าเกินไปจนคันข้างหลังตามมาจนติด เพราะเราจะต้องมีการเร่งแซงเพื่อเปลี่ยนเลนเพื่อให้คันหลังไปก่อน ซึ่งจะกินน้ำมันมากกว่าการขับรถไปเรื่อยๆ ด้วยความเร็วคงที และไม่ขับเร็วเกินไปจนต้องเบรกบ่อยๆ ซึ่งใช้น้ำมันในการเปลี่ยนเกียร์ไปมา หากมองระยะไกลๆ เห็นคันข้างหน้ากำลังจะเบรกหรือชะลอรถ ก็ยกคันเร่งให้ความเร็วลดลงมา ดีกว่าเหยียบเบรกกะทันหัน และใช้แรงเฉื่อยให้เป็นประโยชน์ ซึ่งจะช่วยประหยัดประมาณ 1-2%




การเปลี่ยนเลน
การเปลี่ยนเลน หรือขับแทรกบ่อยๆ เป็นการเปลืองน้ำมันมากยิ่งขึ้น เพราะจังหวะในการเปลี่ยนเลนนั้น จำเป็นต้องเร่งความเร็วขึ้นมาเพื่อให้สามารถเปลี่ยนเข้าไปอีกเลนได้ และหากต้องแทรกรถที่ขับมาในระยะห่างไม่มากนัก ก็ต้องทำความเร็วให้พอที่จะแทรกได้พ้น ซึ่งถ้ามีความจำเป็นจะต้องเปลี่ยนเลนจริงๆ ก็ควรกะระยะห่างรถคันอื่นให้มากน้อย เพื่อที่จะไม่ต้องเหยียบคันเร่งมาก แค่แตะเบาๆ ก็พอ ความเร็วรถจะไม่สูงจากเดิมมาก รถก็จะไม่กินน้ำมันในส่วนนี้ ซึ่งช่วยประหยัดน้ำมันได้ประมาณ 1-2%



เส้นทางลัด
นอกจากเรื่องของการขับขี่แล้วนั้น เส้นทางก็มีส่วนช่วยให้เราประหยัดน้ำมันได้เช่นกัน เช่น การเดินทางไกล หากมีเส้นทางลัดก็จะไปถึงได้เร็วกว่า หรือหลีกเลี่ยงเส้นทางรถติด เพื่อให้รถเดินทางได้สะดวกไม่จอดติดเป็นเวลานาน ไม่สิ้นเปลืองน้ำมันโดยเปล่าประโยชน์ ประหยัดน้ำมันได้ประมาณ 5-10%



ขับรถประหยัดน้ำมัน ไม่จอดติดเครื่องทิ้งไว้
บางคนคิดว่าจอดรถแป๊บเดียวเพื่อเข้าไปซื้อของไม่ต้องดับเครื่องก็ได้ หรือมีคนนั่งรออยู่ในรถ จอดเปิดแอร์นั่งรอเป็นชั่วโมง ครึ่งชั่วโมง ก็เป็นการใช้พลังงานไปเรื่อยๆ น้ำมันหมดเร็วก็ไม่แปลก ถ้าจอดรถทุกครั้งดับเครื่องยนต์ได้เลยจะดีมาก หากมีคนนั่งรอควรลดกระจกลงหรือเปิดประตูแง้มไว้ให้อากาศถ่ายเท ซึ่งจะช่วยประหยัดน้ำมันได้ประมาณ 5-10%



การเพิ่มน้ำหนักรถ
รถเบาๆ กับรถบรรทุกของหนัก อะไรจะกินน้ำมันมากกว่ากัน อันนี้เดาได้ไม่ยาก นึกถึงเวลาเรายกของหนักๆ ก็ต้องออกแรงยกมากเช่นกัน ดังนั้นยิ่งรถบรรทุกหนักเท่าไหร่ก็สิ้นเปลืองน้ำมันมากเท่านั้น ไม่เพียงแต่รถที่ใช้บรรทุกของเพราะจำเป็นต้องใช้งาน แต่รวมถึงความนิยมเพิ่มน้ำหนักรถโดยไม่จำเป็น เช่น มีเครื่องเสียงแต่งรถชุดใหญ่เต็มคัน ชุดแต่งรถที่มีน้ำหนักมาก รวมไปถึงสัมภาระส่วนตัวที่มักจะขนใส่รถโดยไม่จำเป็นก็ควรเอาออกให้โล่งๆ เสียบ้าง ซึ่งก็สามารถช่วยประหยัดได้ประมาณ 3-5%


...............................................
ขอบคุณข้อมูล : yukonlubricants.com